ออฟฟิศเสมือน (Virtual Office)

ออฟฟิศเสมือน-(Virtual Office)

ในยุคที่เทคโนโลยีและการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ออฟฟิศเสมือน” หรือ Virtual Office กลายเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโลกธุรกิจ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ทำงานจริง แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพนักงานและธุรกิจในการดำเนินงานจากที่ใดก็ได้

ออฟฟิศเสมือน (Virtual Office) คืออะไร มาดูกันครับ

Table of Content : สารบัญ

ออฟฟิศเสมือน (Virtual Office) คืออะไร?

ออฟฟิศเสมือน คือ บริการที่ช่วยให้ธุรกิจหรือผู้ประกอบการสามารถมีที่อยู่ทางธุรกิจและหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับติดต่อธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องเช่าพื้นที่สำนักงานจริงหรือมีการตั้งสำนักงานเป็นหลัก ซึ่งบริการนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนการเช่าสำนักงานจริงหรือเจ้าของธุรกิจที่ทำงานจากที่บ้านหรือจากที่อื่น ๆ

อ่านเพิ่มเติม: การกำหนดงานในอาชีพ และวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ

ประโยชน์ของ ออฟฟิศเสมือน

ประโยชน์ของออฟฟิศเสมือน มีหลายด้านที่ช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานจริง ซึ่งประโยชน์หลัก ๆ ของออฟฟิศเสมือนประกอบด้วย:

1. ประหยัดค่าใช้จ่าย

  • ลดค่าเช่าสำนักงาน: การใช้บริการออฟฟิศเสมือนช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานจริง ซึ่งสามารถลดภาระค่าเช่า, ค่าสาธารณูปโภค, และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพื้นที่สำนักงาน
  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานทำความสะอาด, พนักงานต้อนรับ หรือพนักงานในสำนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ในสำนักงานจริง

2. ความยืดหยุ่นในการทำงาน

  • ทำงานจากที่ไหนก็ได้: เจ้าของธุรกิจหรือพนักงานสามารถทำงานจากที่บ้าน หรือที่ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงาน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: สามารถจัดการเวลาทำงานได้ตามสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงาน ลดเวลาที่เสียไปกับการเดินทาง

3. สร้างภาพลักษณ์ที่มืออาชีพ

  • ที่อยู่ธุรกิจที่น่าเชื่อถือ: บริการออฟฟิศเสมือนมักจะมีที่อยู่สำนักงานที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งสามารถใช้เป็นที่อยู่ในการจดทะเบียนธุรกิจหรือสำหรับการติดต่อธุรกิจ ทำให้ธุรกิจดูมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ
  • หมายเลขโทรศัพท์ธุรกิจ: ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์ทางธุรกิจที่ดูเป็นมืออาชีพ สามารถรับสายโทรศัพท์และโอนสายไปยังหมายเลขที่ต้องการ

4. การจัดการข้อมูลและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

  • บริการรับและส่งจดหมาย: การรับจดหมายและพัสดุที่ส่งมาถึงสำนักงานเสมือน สามารถส่งต่อไปยังเจ้าของธุรกิจ หรือจัดเก็บเพื่อให้มารับในภายหลัง

5. ความสะดวกในการขยายธุรกิจ

  • ขยายการดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องเพิ่มสำนักงาน: ธุรกิจสามารถขยายไปยังตลาดใหม่หรือภูมิภาคใหม่ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขยายสำนักงานจริง
  • การมีสำนักงานเสมือนในหลายที่: สามารถเลือกใช้บริการสำนักงานเสมือนในเขต จังหวัดต่าง ๆ เพื่อสร้างฐานลูกค้าหรือขยายเครือข่ายธุรกิจ

6. ลดความซับซ้อนในการบริหาร

  • ไม่ต้องดูแลจัดการสำนักงาน: บริการออฟฟิศเสมือนช่วยให้คุณไม่ต้องบริหารจัดการสำนักงานที่ต้องดูแลความสะอาด พนักงาน หรือการดูแลเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในสำนักงานจริง
  • ง่ายต่อการจัดการธุรกิจ: สามารถมุ่งเน้นที่การดำเนินธุรกิจหลัก โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการสำนักงาน

อ่านเพิ่มเติม: ธุรกิจที่ต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติลงทุน

เทคโนโลยีที่ใช้ใน ออฟฟิศเสมือน

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ ในการทำให้บริการนี้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ใช้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจและพนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานจริง และยังสามารถทำให้การสื่อสารและการจัดการธุรกิจเป็นไปอย่างมืออาชีพ บางส่วนของเทคโนโลยีที่ใช้ในออฟฟิศเสมือนมีดังนี้:

1. โทรศัพท์และระบบการรับสาย (VoIP Systems)

VoIP (Voice over Internet Protocol): เทคโนโลยีที่ใช้ในการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น การใช้หมายเลขโทรศัพท์ธุรกิจที่สามารถรับสายจากลูกค้าและโอนสายไปยังหมายเลขที่ต้องการหรือโทรศัพท์มือถือของเจ้าของธุรกิจ

ระบบนี้สามารถให้บริการรับสายอัตโนมัติ หรือใช้พนักงานต้อนรับเสมือน (Virtual Receptionists) ที่จะรับสายและส่งต่อสายตามที่กำหนด

ยังสามารถใช้บริการ IVR (Interactive Voice Response) เพื่อให้บริการลูกค้าในเชิงธุรกิจหรือเพื่อให้การรับสายสะดวกและมีประสิทธิภาพ

2. แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ (Online Meeting Platforms)
เทคโนโลยีสำหรับการประชุมทางออนไลน์ เช่น Zoom, Microsoft Teams, Google Meet ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดประชุมหรือนัดหมายกับลูกค้าและพนักงานได้อย่างสะดวก

ฟังก์ชันการแชร์หน้าจอ, การบันทึกการประชุม, และการแชร์เอกสารต่าง ๆ ช่วยให้การประชุมออนไลน์มีความราบรื่น

3. บริการจัดการเอกสาร (Document Management Systems)
ระบบที่ช่วยในการจัดเก็บและจัดการเอกสารทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น เอกสารสัญญา, ใบเสนอราคา, หรือรายงานการประชุม โดยสามารถแชร์หรือเข้าถึงเอกสารเหล่านี้ได้จากทุกที่

บริการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Google Drive, Dropbox, OneDrive ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกันในทีมเป็นไปอย่างราบรื่น

เทคโนโลยีนี้ยังสามารถทำให้การจัดการไฟล์เป็นไปอย่างมีระเบียบและปลอดภัย

4. ระบบการจัดการตารางเวลา (Calendar and Scheduling Systems)
การใช้ Google Calendar หรือ Microsoft Outlook เพื่อจัดตารางเวลาการประชุม การนัดหมาย และการทำงานต่าง ๆ ของพนักงาน

ระบบนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการเวลาของทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้การนัดหมายกับลูกค้าหรือผู้ร่วมงานไม่ซ้ำซ้อน

5. การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ (Collaboration Tools)
แพลตฟอร์มการทำงานร่วมกัน เช่น Slack, Trello, Asana, Monday.com ช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันในโปรเจกต์เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้สามารถติดตามความคืบหน้าของงาน แจ้งเตือนการประชุม หรือจัดการกับงานที่ยังค้างอยู่ได้อย่างราบรื่น

6. ระบบการจัดการลูกค้า (CRM Systems)
การใช้ CRM (Customer Relationship Management) เช่น Salesforce, HubSpot ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลลูกค้าและติดตามการติดต่อกับลูกค้าได้อย่างมีระเบียบ

ระบบนี้สามารถใช้ในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า, การบันทึกการติดต่อ, การส่งอีเมล, หรือการติดตามโอกาสในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. ระบบรักษาความปลอดภัยออนไลน์ (Cybersecurity Systems)
เนื่องจากการทำงานจากที่ใดก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัย

การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption), การใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง และการตรวจสอบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Two-Factor Authentication) เพื่อปกป้องข้อมูลทางธุรกิจ

8. แพลตฟอร์มการให้บริการลูกค้า (Customer Service Platforms)
เทคโนโลยีที่ใช้ในการตอบคำถามหรือให้บริการลูกค้าผ่านทาง Live Chat, Helpdesk Software, หรือ Chatbots เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา

บริการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Zendesk, Intercom ซึ่งช่วยให้การบริการลูกค้าออนไลน์มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่มเติม: การจัดตั้งบริษัทในไทยโดยมีผู้ถือหุ้นต่างชาติ

บทสรุป

ออฟฟิศเสมือนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่หากบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ก็สามารถนำมาซึ่งประสิทธิภาพและความสำเร็จในการดำเนินงาน

หากคุณไม่มั่นใจในการคำนวณภาษีหรือจัดการบัญชีอย่างถูกต้อง

สำนักงานบัญชีกรุงเทพ (2009) ยินดีที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ให้คุณได้ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลบัญชี-ภาษีของคุณ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำผิดกฎหมาย และช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจ ติดต่อเราได้ครับ