การบริหารจัดการบัญชีภาษีในธุรกิจโรงแรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย และเพิ่มโอกาสในการเติบโต ในบทความนี้ เราจะพูดถึงแนวทางการจัดการบัญชีภาษีโรงแรมอย่างมีประสิทธิภาพ
บัญชีภาษีโรงแรม: จัดการอย่างไรให้ธุรกิจเติบโต
การดำเนินธุรกิจโรงแรมไม่ใช่เพียงแค่การให้บริการห้องพักอย่างสะดวกสบาย หรือการต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่นเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญอีกอย่างที่เจ้าของกิจการหลายคนมักมองข้าม ก็คือการ จัดการด้านบัญชีและภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการที่ดีในด้านนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจของคุณ ดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถ วิเคราะห์ผลประกอบการ วางแผนทางการเงิน และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ในระยะยาวอีกด้วย
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำบัญชีและการบริหารภาษีของกิจการโรงแรมในทุกระดับ ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็ก (Mini Hotel) โรงแรมบูติก ไปจนถึงโรงแรมระดับกลาง-ใหญ่
Table of Content : สารบัญ
1. ทำไมโรงแรมต้องให้ความสำคัญกับ “บัญชี” และ “ภาษี”?
2. ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมมีอะไรบ้าง?
3. จัดการบัญชีอย่างไรให้เป็นระบบ?
4. เก็บเอกสารให้ครบถ้วนและพร้อมตรวจสอบ
5. วางแผนภาษีเพื่อประหยัดต้นทุนอย่างถูกกฎหมาย
6. การยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา
7. การตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีภาษีอย่างสม่ำเสมอ
1. ทำไมโรงแรมต้องให้ความสำคัญกับ “บัญชี” และ “ภาษี”?
การทำบัญชีที่ดีจะช่วยให้เจ้าของกิจการมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระแสเงินสด กำไร-ขาดทุน หรือแม้กระทั่งต้นทุนที่อาจถูกมองข้าม เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ
ขณะเดียวกัน การบริหารภาษีก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ หากละเลยอาจส่งผลให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังหรือโดนค่าปรับจากกรมสรรพากร และส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของกิจการ
2. ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมมีอะไรบ้าง?
✅ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7%
หากกิจการโรงแรมมีรายได้รวมเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียน VAT และจัดทำใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบให้ลูกค้า
✅ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
กรณีจ้างผู้ให้บริการ เช่น ช่างซ่อมบำรุง วงดนตรี หรือฟรีแลนซ์ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย (มักอยู่ที่ 3%) และนำส่งให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
✅ ภาษีเงินได้นิติบุคคล / บุคคลธรรมดา
ขึ้นอยู่กับการจดทะเบียนของกิจการ หากเป็น บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หากเป็น บุคคลธรรมดาเจ้าของกิจการ จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกปี
✅ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน / ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
หากใช้ที่ดิน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างประกอบธุรกิจ จะต้องชำระภาษีประจำปีให้กับเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อัตราขึ้นอยู่กับราคาประเมินและประเภทการใช้ประโยชน์)
✅ ภาษีธุรกิจเฉพาะ (บางกรณี)
หากมีรายได้จากการให้เช่าห้องพักรายเดือนในลักษณะ “เชิงพาณิชย์” อาจเข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ควรปรึกษานักบัญชีเพื่อวินิจฉัยกรณีให้ชัดเจน
อ่านเพิ่มเติม: ภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย: สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้
3. จัดการบัญชีอย่างไรให้เป็นระบบ?
การจัดทำบัญชีที่ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากอะไรที่ซับซ้อน แต่อยู่ที่ความ มีวินัย ความต่อเนื่อง และการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งควรมีแนวทางดังนี้:
📌 แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจ
เปิดบัญชีธนาคารเฉพาะสำหรับกิจการโรงแรม ใช้สำหรับรับเงินจากลูกค้าและจ่ายค่าวัสดุ/บริการ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและทำบัญชี
📌 ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ
เก็บข้อมูลรายได้จากทุกช่องทาง เช่น:
- ค่าห้องพัก
- ค่าบริการเพิ่มเติม (อาหาร, ซักรีด, ห้องประชุม)
- รายได้จากพาร์ทเนอร์ (เช่น OTA อย่าง Agoda, Booking)
และบันทึกรายจ่ายทั้งหมด เช่น:
- ค่าน้ำ-ค่าไฟ
- เงินเดือนพนักงาน
- ค่าซ่อมแซม
- ค่าโฆษณา/การตลาด
- ค่ากิจกรรม/การบริการลูกค้า
4. เก็บเอกสารให้ครบถ้วนและพร้อมตรวจสอบ
เอกสารสำคัญที่ธุรกิจโรงแรมต้องมี ได้แก่:
- ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ลูกค้า
- บิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
- สัญญาจ้างพนักงานหรือผู้รับเหมา
- รายงานภาษีซื้อ-ขายประจำเดือน
- รายการเงินสดรับ-จ่ายรายวัน
การเก็บเอกสารที่ดีจะช่วยให้:
- ยื่นภาษีรายเดือน/รายปีได้อย่างถูกต้อง
- ป้องกันปัญหาจากการตรวจสอบย้อนหลังของกรมสรรพากร
- สะดวกเมื่อต้องขอสินเชื่อหรือร่วมโครงการกับรัฐ/เอกชน
อ่านเพิ่มเติม: e-Tax Invoice by Email กับ e-Tax Invoice & e-Receipt คืออะไร?
5. วางแผนภาษีเพื่อประหยัดต้นทุนอย่างถูกกฎหมาย
เจ้าของโรงแรมสามารถ วางแผนภาษี (Tax Planning) ได้โดย:
- แยกต้นทุนที่หักลดหย่อนภาษีได้ เช่น ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์, ค่าใช้จ่ายทางการตลาด
- ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ค่าเสื่อมราคาจากการลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ หรือการจ้างแรงงานเพิ่ม
- ปรึกษานักบัญชีเพื่อวางแผนภาษีแบบถูกต้อง ไม่เสี่ยงเลี่ยงภาษี
6. การยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา
การยื่นภาษีอย่างถูกต้องและตรงเวลาช่วยลดความเสี่ยงจากค่าปรับและดอกเบี้ย ควร:
- ติดตามกำหนดยื่นภาษีแต่ละประเภท เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มต้องยื่นทุกเดือน ภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องยื่นปีละครั้ง
- ตรวจสอบความถูกต้องของแบบฟอร์มภาษีก่อนยื่น
- ใช้บริการที่ปรึกษาด้านภาษีหรือผู้สอบบัญชีหากมีข้อสงสัย
7. การตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีภาษีอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบบัญชีภาษีเป็นประจำช่วยให้ธุรกิจโรงแรมสามารถป้องกันความผิดพลาดและวางแผนภาษีได้ดียิ่งขึ้น ควร:
- ตรวจสอบรายงานทางการเงินทุกเดือน
- ทำบัญชีอย่างถูกต้องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบภาษี
- ปรับปรุงวิธีการจัดการภาษีตามกฎหมายใหม่ ๆ ที่ออกมา
อ่านเพิ่มเติม: ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในไทย-สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้
8.สรุป
การจัดการบัญชีภาษีโรงแรมอย่างเป็นระบบช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง การทำความเข้าใจภาษีที่เกี่ยวข้อง จัดระเบียบบัญชี วางแผนภาษี ยื่นภาษีให้ถูกต้อง และตรวจสอบบัญชีเป็นประจำ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดภาระภาษีและเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับธุรกิจโรงแรม
หากคุณไม่มั่นใจในการคำนวณภาษีหรือจัดการบัญชีอย่างถูกต้อง
สำนักงานบัญชีกรุงเทพ (2009) ยินดีที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ให้คุณได้ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลบัญชี-ภาษีของคุณ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำผิดกฎหมาย และช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจ ติดต่อเราได้ครับ