บัญชีภาษีธุรกิจอาหารที่เจ้าของร้านต้องรู้ เพื่อกำไรเต็มกระเป๋า!

บัญชีภาษีธุรกิจอาหารที่เจ้าของร้านต้องรู้-เพื่อกำไรเต็มกระเป๋า!

ในยุคที่ผู้คนกินข้าวนอกบ้านบ่อยขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจยอดนิยมของผู้ประกอบการหน้าใหม่ แต่แม้ร้านอาหารจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี ทว่าหากละเลย “เรื่องบัญชีและภาษี” ก็อาจนำไปสู่ความขาดทุนโดยไม่รู้ตัว

บัญชีภาษีธุรกิจอาหารที่เจ้าของร้านต้องรู้ เพื่อกำไรเต็มกระเป๋า!

ธุรกิจร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านข้าวแกงริมทาง คาเฟ่สุดชิค ร้านบุฟเฟต์ หรือร้าน Fine Dining ล้วนต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุน วัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ค่าแรง ค่าเช่า และที่สำคัญที่สุดคือ “ภาษี” และ “การจัดการบัญชี” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

หลายร้านทำยอดขายได้ดี ลูกค้าแน่นทุกวัน แต่กลับพบว่ากำไรไม่ถึงเป้า หรือแม้แต่ขาดทุนทั้งที่ดูเหมือนขายดี เพราะละเลยการวางระบบบัญชีให้รัดกุม บางร้านก็เผลอทำผิดเรื่องภาษีโดยไม่รู้ตัว และสุดท้ายต้องเจอค่าปรับย้อนหลังหลายแสน

บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่า การทำบัญชีและภาษีให้ถูกต้อง ช่วยให้ร้านอาหารเติบโตอย่างมั่นคงและมี “กำไรจริง” ได้อย่างไร

Table of Content : สารบัญ

1. ทำไมร้านอาหารต้องใส่ใจเรื่องบัญชีและภาษี?

2. เริ่มต้นให้ถูกต้อง: เลือกรูปแบบกิจการที่เหมาะกับร้าน

3. ภาษีหลักที่ร้านอาหารต้องรู้และต้องจ่าย

4. การวางแผนภาษีเพื่อลดต้นทุน

5. การยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา

6. การตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีภาษี

7. สรุป: รู้บัญชี-ภาษี ดีกว่าแค่ทำอาหารอร่อย

1. ทำไมร้านอาหารต้องใส่ใจเรื่องบัญชีและภาษี?

ร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่มีรายการเงินเข้าออกเยอะมากในแต่ละวัน ทั้งยอดขาย วัตถุดิบที่ซื้อสดทุกเช้า ค่าแรงพนักงาน ค่าแก๊ส ค่าเช่า ค่าขนส่ง ฯลฯ หากไม่มีระบบบัญชีที่ดี รายจ่ายอาจรั่วไหลโดยที่คุณไม่รู้ตัว

ปัญหาที่มักเกิดกับร้านอาหารที่ไม่มีระบบบัญชีมืออาชีพ เช่น:

  • ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วร้านมีกำไรหรือขาดทุน
  • คุมต้นทุนอาหารไม่ได้ เพราะไม่มีระบบบันทึกสต็อก
  • เสียภาษีไม่ถูกต้อง โดนตรวจสอบจากสรรพากร
  • ไม่มีงบการเงินใช้ยื่นกู้ หรือยื่นทุนสนับสนุน
  • ทำบัญชีเองจนไม่มีเวลาบริหารร้าน

อ่านเพิ่มเติม: ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในไทย-สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้

2. เริ่มต้นให้ถูกต้อง: เลือกรูปแบบกิจการที่เหมาะกับร้าน

ก่อนเปิดร้าน ควรเลือก “รูปแบบกิจการ” ให้สอดคล้องกับขนาดและเป้าหมายของธุรกิจ:

📌 บุคคลธรรมดา (เจ้าของคนเดียว)

  • เหมาะสำหรับร้านเล็กๆ เช่น ร้านตามสั่ง รถเข็น ร้านข้าวแกง
  • ภาษีจะคิดตามขั้นบันไดรายได้ (อัตราก้าวหน้า)
  • ไม่ซับซ้อนในการเริ่มต้น

📌 นิติบุคคล (หจก. / บริษัทจำกัด)

  • เหมาะกับร้านที่มีหุ้นส่วนหลายคน ร้านขนาดกลาง-ใหญ่ หรือร้านที่มีแผนจะขยายสาขา
  • ต้องมีการจัดทำบัญชีและยื่นงบการเงินประจำปี
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) คิดจากกำไรสุทธิ อัตรา 15%-20%

แนะนำ: ร้านที่มีรายได้และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ควรจดทะเบียนเป็น “นิติบุคคล” เพื่อแยกทรัพย์สินเจ้าของกับร้าน และวางแผนภาษีได้ดีกว่า

3. ภาษีหลักที่ร้านอาหารต้องรู้และต้องจ่าย

ร้านอาหารไม่ใช่แค่ “ขายของแล้วได้เงิน” เท่านั้น ยังมีภาษีที่เกี่ยวข้องหลายประเภท เจ้าของร้านควรรู้ให้ครบเพื่อบริหารรายได้ได้อย่างถูกต้อง

✅ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 / 94)

  • สำหรับร้านที่จดทะเบียนในรูปแบบบุคคลธรรมดา
  • ต้องยื่นภาษีปีละ 2 ครั้ง (กลางปี และสิ้นปี)
  • คำนวณจากกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย

✅ ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50 / 51)

  • สำหรับร้านที่จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
  • ยื่นภาษีกลางปี (ภ.ง.ด.51) และสิ้นปี (ภ.ง.ด.50)
  • หากไม่ยื่นตรงเวลา มีค่าปรับและเบี้ยปรับตามกฎหมาย

✅ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  • หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ต้องจด VAT ภายใน 30 วันหลังจากเกินยอด
  • อัตรา VAT ปัจจุบันคือ 7% (คิดจากยอดขาย)
  • หากจด VAT สามารถขอคืนภาษีซื้อได้ เช่น ค่าวัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ

✅ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (เช่น ภ.ง.ด.3, 53)

  • กรณีจ้างบริการต่างๆ เช่น นักออกแบบเมนู, ช่างภาพอาหาร, นักดนตรี ฯลฯ ต้องหักภาษีและนำส่งกรมสรรพากร

✅ ภาษีป้าย

  • สำหรับร้านที่มีป้ายชื่อร้าน ป้ายโปรโมชั่น ฯลฯ ต้องเสียภาษีป้ายประจำปี โดยขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของป้าย

4. การวางแผนภาษีเพื่อลดต้นทุน

  • หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าเช่าสถานที่ และค่าสาธารณูปโภค
  • ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การหักค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์
  • วางแผนการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาระภาษีในแต่ละปี

อ่านเพิ่มเติม: Virtual Office ออฟฟิศเสมือน คืออะไร

5. การยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ยื่นแบบ ภ.ง.ด.3 หรือ ภ.ง.ด.53 ทุกเดือน
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ทุกปี และ ภ.ง.ด.51 สำหรับครึ่งปี

ตรวจสอบความถูกต้องของแบบฟอร์มและเอกสารก่อนยื่นภาษี

อ่านเพิ่มเติม: ภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย: สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้

6. การตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีภาษี

  • ตรวจสอบงบการเงินทุกเดือนเพื่อติดตามสถานะทางการเงิน
  • ปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานบัญชี
  • ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกฎหมายภาษีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง

7. สรุป: รู้บัญชี-ภาษี ดีกว่าแค่ทำอาหารอร่อย

ธุรกิจอาหารที่มั่นคง ไม่ได้วัดแค่ยอดขายหรือรีวิวดีๆ เท่านั้น แต่เจ้าของร้านต้องใส่ใจ “การบริหารต้นทุน ระบบบัญชี และภาษี” เพื่อควบคุมกำไรให้อยู่หมัด เริ่มต้นวางระบบให้ดีตั้งแต่วันแรก ไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ แล้วคุณจะพบว่า ร้านอาหารไม่ใช่แค่เรื่อง “ใจรัก” แต่ต้อง “รู้ตัวเลข” ด้วยจึงจะรอดและเติบโตอย่างแท้จริง

หากคุณไม่มั่นใจในการคำนวณภาษีหรือจัดการบัญชีอย่างถูกต้อง

สำนักงานบัญชีกรุงเทพ (2009) ยินดีที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ให้คุณได้ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลบัญชี-ภาษีของคุณ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำผิดกฎหมาย และช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจ ติดต่อเราได้ครับ