ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) เป็นภาษีที่ผู้จ่ายเงินต้องหักออกจากจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับเงินแล้วนำส่งให้กับกรมสรรพากร ภาษีประเภทนี้ถูกหักในขณะที่มีการจ่ายเงิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ และผู้จ่ายจะต้องทำหน้าที่หักและนำส่งภาษีแทนผู้รับภาษี
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้รัฐสามารถเก็บภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยลดการหลีกเลี่ยงภาษีจากผู้เสียภาษีได้
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในไทย: สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้ มาดูกันครับ
Table of Content : สารบัญ
1. ความหมายของภาษีหัก ณ ที่จ่าย
2. ประเภทของรายได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
6. การหักภาษี ณ ที่จ่ายในกรณีของบริษัท
7. ข้อควรระวังในการหักภาษี ณ ที่จ่าย
8. บทลงโทษหากไม่นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย
1. ความหมายของภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายคือภาษีที่ผู้จ่ายเงิน (เช่น นายจ้างหรือบริษัท) หักจากรายได้ของผู้รับเงิน (เช่น พนักงาน, ผู้ให้บริการ หรือบริษัท) ก่อนที่จะจ่ายเงินหรือค่าตอบแทนให้กับผู้รับเงิน และนำส่งให้กับกรมสรรพากร ภาษีนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องรอให้ผู้เสียภาษีไปยื่นภาษีในภายหลัง
อ่านเพิ่มเติม: ภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย: สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรรู้
2. ประเภทของรายได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะถูกหักจากรายได้ในหลายประเภท ซึ่งบางประเภทต้องหักภาษีในอัตราที่แตกต่างกัน ตัวอย่างของรายได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ได้แก่:
- ค่าจ้าง/เงินเดือน: สำหรับค่าจ้างหรือเงินเดือนของพนักงาน มีการหักภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จ่ายในแต่ละปี
- ค่าบริการ: หากจ่ายค่าบริการให้แก่บุคคลหรือบริษัท เช่น ค่าที่ปรึกษา, ค่าบริการด้านเทคโนโลยี, ค่าโฆษณา จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราที่กำหนด เช่น 3% หรือ 5%
- ค่าดอกเบี้ย: การจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้ เช่น ดอกเบี้ยธนาคาร หรือดอกเบี้ยจากการกู้ยืม จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15%
- เงินปันผล: การจ่ายเงินปันผลจากบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 10%
3. อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย
อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะมีอัตราที่แตกต่างกันไปตามประเภทของรายได้ ดังนี้:
- เงินเดือน/ค่าจ้าง: จะหักภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (0% – 35% ขึ้นอยู่กับจำนวนรายได้ในปีนั้น)
- ค่าบริการ (บุคคลธรรมดา): อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
- ค่าบริการ (นิติบุคคล): อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
- ดอกเบี้ย: อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%
- เงินปันผล: อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%
อ่านเพิ่มเติม: นิติบุคคล-สรุปประเด็นบัญชีและภาษีสำหรับนักขายออนไลน์ E-Commerce
4. หน้าที่ของผู้จ่ายเงิน
ผู้จ่ายเงิน (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัท) มีหน้าที่หลักในการหักภาษีและนำส่งให้กับกรมสรรพากร ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้:
- หักภาษีจากจำนวนเงินที่จ่าย: เมื่อมีการจ่ายเงินตามประเภทต่าง ๆ ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ เป็นต้น
- นำส่งภาษี: หลังจากที่หักภาษีแล้ว ผู้จ่ายเงินต้องนำส่งภาษีที่หักไปยังกรมสรรพากรภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องทำการส่งภาษีภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปหลังจากที่มีการจ่ายเงิน
- ออกใบรับรองการหักภาษี: ผู้จ่ายเงินจะต้องออกใบรับรองการหักภาษีให้แก่ผู้รับเงิน เพื่อให้ผู้รับสามารถนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปเครดิตภาษีในภายหลัง
5. การเครดิตภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ผู้ที่ได้รับเงินที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายสามารถนำภาษีที่ถูกหักไปเครดิตภาษีในภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือเงินได้บริษัทในภายหลัง ซึ่งจะช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายในปีนั้น ๆ โดยการนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปหักลบจากภาษีที่ต้องจ่าย
6. การหักภาษี ณ ที่จ่ายในกรณีของบริษัท
สำหรับบริษัทที่มีการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการ บุคคลภายนอก หรือค่าจ้างพนักงาน จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราที่กำหนดและนำส่งให้กับกรมสรรพากรภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ บริษัทจะต้องเสียค่าปรับหรือมีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
อ่านเพิ่มเติม: Virtual Office ออฟฟิศเสมือน คืออะไร
7. ข้อควรระวังในการหักภาษี ณ ที่จ่าย
- การตรวจสอบอัตราภาษี: ผู้จ่ายเงินควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอัตราภาษีที่ใช้หักตรงกับประเภทของรายได้และผู้รับเงิน
- การยื่นแบบภาษี: ผู้จ่ายเงินจะต้องยื่นแบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต่อกรมสรรพากรให้ครบถ้วนและตรงเวลา
- การออกใบรับรอง: ผู้จ่ายเงินต้องออกใบรับรองการหักภาษีให้แก่ผู้รับเงินเพื่อใช้ในการเครดิตภาษี
-
8. บทลงโทษหากไม่นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย
หากผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไม่นำส่งภาษีหรือยื่นล่าช้า อาจต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้:
- เบี้ยปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท
- เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้างชำระ
9. สรุป
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นกระบวนการที่ช่วยให้รัฐบาลเก็บภาษีได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีการหักจากรายได้ของผู้รับก่อนที่จะจ่ายให้แก่เขา และส่งไปยังกรมสรรพากร การเข้าใจอัตราภาษีประเภทต่าง ๆ การปฏิบัติตามกฎหมายในการหักภาษี และการส่งภาษีอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งผู้จ่ายและผู้รับเงิน
หากคุณไม่มั่นใจในการคำนวณภาษีหรือจัดการบัญชีอย่างถูกต้อง
สำนักงานบัญชีกรุงเทพ (2009) ยินดีที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ให้คุณได้ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลบัญชี-ภาษีของคุณ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำผิดกฎหมาย และช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจ ติดต่อเราได้ครับ